ราคาน้ำมันดิบ Brent

องค์กรใดบ้าง ที่มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบ Brent ข่าวสารที่นักลงทุนห้ามพลาด

                นักลงทุนหรือเทรดเดอร์ที่ลงทุนในหุ้นน้ำมัน คงไม่มีใครที่ไม่ติดตามราคาน้ำมันดิบ Brent เพราะเป็นหนึ่งในน้ำมันสำคัญของโลก แต่ไม่ใช่แค่ความนิยมของตลาด หรืออุปสงค์ของอุตสาหกรรมเท่านั้นที่ส่งผลต่อราคาน้ำมัน ยังมีองค์กรระดับโลกที่ทำให้น้ำมันดิบทุกชนิดเปลี่ยนแปลง หรือผันผวนอย่างไม่คาดคิดได้ ซึ่งองค์กรดังกล่าวมีทั้งองค์กรภาครัฐ และองค์กรภาคเอกชนที่มีบทบาทต่อเศรษฐกิจของโลก และบางครั้งเป้าหมายขององค์กรก็อาจจะไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของนักลงทุน

4 องค์กรที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบ Brent รู้จักไว้เข้าใจข่าวเศรษฐกิจ

                องค์กรที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ส่วนใหญ่เป็นองค์กรระดับโลกที่มีความเกี่ยวข้องกัน ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง เนื่องจากการค้าขายน้ำมันมีหลายปัจจัยด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเกี่ยวข้อง ราคาน้ำมันดิบ Brent เองก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มหรือองค์กรเหล่านี้ด้วย

OPEC

OPEC ย่อมาจาก Organization of the Petroleum Exporting Country แปลตรงตัวก็คือ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันนั่นเอง โดยสมาชิกหลักจะมีทั้งหมด 13 ประเทศ ซึ่งประเทศที่เริ่มต้นก่อตั้งด้วยกันตั้งแต่ปี 2503 มีอยู่ 5 ประเทศ คือ ซาอุดิอาระเบีย, อิรัก, อิหร่าน, คูเวต และเวเนซุเอลา ในปัจจุบันหากติดตามข่าวสารจะเห็นคำว่า OPEC+ คือ มีการรวมอีก 10 ประเทศที่ไม่ใช่สมาชิก ทำให้รวมเป็นทั้งหมด 23 ประเทศ โดย 10 ประเทศที่เพิ่มเข้ามา แม้ไม่ใช่ประเทศผู้ผลิตน้ำมัน แต่เป็นผู้ถือหุ้นรายสำคัญที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ รวมถึงราคาน้ำมันดิบ Brent ด้วย

ICE (Intercontinental Exchange)

ICE หรือ Intercontinental Exchange คือ องค์กรทางด้านการเงินขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในนครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2000 ถือเป็นเจ้าของตลาดการเงินและสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ ใช้เทคโนโลยีระดับโลกเพื่อการแลกเปลี่ยน การจดทะเบียนสินทรัพย์ และรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับสินทรัพย์ด้วย ตลาดพลังงานก็เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้กลไกของ ICE รวมถึงราคาน้ำมันดิบต่าง ๆ ก็มีข้อมูลและดัชนีการแลกเปลี่ยนภายใต้องค์กรนี้ด้วย

กลุ่ม G7

กลุ่ม G7 หรือ Group of Seven คือกลุ่ม 7 ประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกัน ประกอบด้วย แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น, และสหรัฐอเมริกา ประเทศเหล่านี้ถือว่าเป็นประเทศที่มีความมั่งคั่งในสัดส่วนที่รวมกันแล้วมากกว่าครึ่งของทั่วโลก หากมีการเจรจาเรื่องการปรับราคาน้ำมัน ย่อมส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบ Brent อย่างแน่นอน

World Petroleum Council

World Petroleum Council (WPC) หรือสภาปิโตรเลียมโลก เป็นองค์กรสำคัญโดยตรงต่อการเจรจาราคาน้ำมัน ถือเป็นองค์กร NGO เนื่องจากไม่ใช่องค์กรแสวงกำไร พยายามทำให้การเจรจาราคาน้ำมัน ก๊าซ และพลังงานต่าง ๆ เป็นไปอย่างโปร่งใสและเปิดเผย เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1933 และมีการจัดประชุมทุก ๆ 4 ปี และเปลี่ยนประเทศเจ้าภาพการประชุมทุก ๆ 2 ปีด้วย

จะเห็นได้ว่าราคาน้ำมันดิบ Brent สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งจากประเทศผู้ผลิต อุปสงค์และอุปทานในตลาด ไปจนถึงความเคลื่อนไหวทางการเมือง การติดตามข่าวสารเศรษฐกิจจะทำให้เราเห็นชื่อองค์กรที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันอยู่บ่อย ๆ ทั้งองค์กรในประเทศและองค์กรต่างประเทศ เมื่อรู้จักและเข้าใจบทบาทของแต่ละองค์กรที่มีผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ก็จะทำให้เราเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของราคาได้มากขึ้นนั่นเอง

บัตรเครดิต Lazada

ทำบัตรเครดิตสำหรับช้อปออนไลน์ธนาคารไหนดี

แน่นอนว่าในปัจจุบันผู้คนได้หันมาช้อปปิ้งออนไลน์กันมากขึ้น เพราะความสะดวกสบายเป็นเหตุผลหลักของการช้อปปิ้งประเภทนี้ สินค้าชิ้นใหญ่ๆ อย่างตู้เย็น เครื่องซักผ้า ที่หลายคนกังวลว่าจะขนย้ายลำบากก็ไม่ต้องกังวล เพราะการช้อปปิ้งออนไลน์นั้นจะส่งมาติดตั้งให้คุณถึงที่เลย แถมยังให้คุณสามารถเปรียบเทียบราคาก่อนทำการสั่งซื้อได้ด้วย ซึ่งมาเพิ่มความสะดวกในการชำระเงินพร้อมลุ้นรับโปรโมชั่นเด็ดๆ หากซื้อผ่านบัตรเครดิต วันนี้เรามาดูกันว่าทำบัตรเครดิตสำหรับช้อปออนไลน์ธนาคารไหนดี

KTC PLATINUM MASTERCARD

มั่นใจทุกครั้งที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ช้อปออนไลน์ คุ้มสุด กับ Mastercard รับส่วนลดสูงสุด 600 บาทเมื่อช้อปผ่านพันธมิตรออนไลน์ที่ร่วมรายการอย่าง Lazada ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดชีพ ทุก 25 บาท ที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต รับ 1 คะแนน KTC FOREVER เพื่อแลกสินค้าและบริการ เลือกชำระสินค้าหรือบริการด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% สูงสุด 10 เดือน

บัตรเครดิตกรุงศรี

บัตรเครดิตกรุงศรี ทุกประเภท สามารถเข้าร่วมรายการโปรโมชั่นนี้ได้หมดเลย เรียกว่าเว็บไซต์ที่ร่วมรายการเยอะมากๆ รวมทั้งมีโปรเด็ดๆ อย่าง  ใช้จ่ายครบทุก 1,500 บาท รับเครดิตเงินคืน 30 บาท สูงสุด 90 บาท/รายการ (คิดเป็นผลตอบแทนสูงสุด 2%) เลยทีเดียว

Citi Bank

รับคะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด 10 เท่า เมื่อใช้บัตรเครดิตซิตี้แบงค์ใช้จ่ายใน Lazada และรับคะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด 3 เท่า ทุกการใช้จ่ายในหมวดหมู่แฟชั่น และสุขภาพ พร้อมCiti Pay with Points เปลี่ยนคะแนนสะสมเป็นเครดิตเงินคืนสำหรับการใช้จ่ายบน ลาซาด้า ประเทศไทย แบ่งชำระ 0% สูงสุด 10 เดือน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ

ธนาคารกรุงเทพ

โปรโมชั่นของบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ ถือว่ามีความยืดหยุ่นสูง เพราะไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายยอดเป็นหลักพันก็ได้เครดิตเงินคืนเหมือนกัน เพราะจะเป็นการสะสมยอดใช้จ่ายทุกรายการรวมกัน ถ้าใช้จ่ายถึงยอดที่กำหนดในแต่ละหมวดก็จะได้เครดิตเงินคืนไปเลยจ้า เผื่อบางคนเน้นความถี่ แต่ไม่เน้นยอดใช้จ่ายสูงๆ ก็คือเหมาะมากเลย

UOB

รับคะแนนสะสม 10 บาท = 1 คะแนน สำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ในหมวดแฟชั่น หมวดร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าทั่วโลก Lazada, Shopee, Joox, Spotify และ Netflix รับคะแนนสะสม 25 บาท 1 คะแนน สำหรับยอดใช้จ่ายจากหมวดอื่นๆ และแลกรับเครดิตเงินคืน 15% แลกคะแนนสะสมเท่ากับยอดใช้จ่ายที่ Central, Robinson และอื่นๆ อีกมาย 

เห็นโปรโมชั่นแบบนี้แล้วก็อย่ารอช้า รีบไปเปิดบัตรเครดิต Lazada มาช้อปสินค้าให้กระจายไปเลย แถมยังได้เครดิตเงินคืน ปังมากๆ ตามมด้วยดีลเด็ดๆ อีกมากมายที่จะแจกส่วนลดหากคุณเป็นลูกค้าบัตรเครดิตนั่นเอง 

สินเชื่อเงินด่วน 30 นาที

3 แอปเงินด่วน 30 นาที ยื่นกู้ออนไลน์ได้ไม่ต้องไปถึงธนาคาร

                เดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็ย้ายไปอยู่บนระบบออนไลน์เสียหมด ความสะดวกสบายที่ไม่เว้นแม้แต่เรื่องธุรกรรมทางการเงิน สินเชื่อเงินด่วน ที่ลดความยุ่งยาก ลดขั้นตอน เพิ่มความสบาย อำนวยความสะดวกเข้าไปทาน มีปัญหาเงินด่วน เงินขาดมือกระทันหัน สามารถเปิดมือถือ เข้าแอปฯ ลงทะเบียนยื่นเอกสารขอสินเชื่อเงินด่วนที่รู้ผลการอนุมัติได้ไวภายใน 30 นาที วันนี้เราได้คัด 3 ผู้ให้บริการสินเชื่อเงินด่วน 30 นาทีที่สามารถยื่นกู้ออนไลน์ผ่านแอปได้อย่างถูกกฎหมายมาฝากผู้ที่กำลังเดือดเนื้อร้อนใจ เป็นกังวลในการหาเงินมาใช้จ่ายยามฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามาเริ่มกันกันเลยดีกว่า

ธนาคารกสิกรไทย กับบริการ Xpress Loan

                สินเชื่อเงินด่วน 30 นาที เจ้าแรกกับธนาคารสีเขียวขวัญใจคนไทยอย่างธนาคารกสิกร มาพร้อมกับบริการ Xpress Loan บริการสินเชื่อเงินด่วนที่สามารถสมัครได้เลยผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS หรือใครที่ไม่ถนัดเทคโนโลยี ก็สามารถไปยื่นกู้ที่ธนาคารกสิกรได้ทุกสาขาทั่วไประเทศ โดยบริการ Xpress Loan นี้ ดำเนินการโดยยึดหลักการให้บริการที่สะดวก และรวดเร็ว ผู้สนใจสามารถรับเงินด่วนได้โดยใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว ไม่ต้องมีผู้ค้ำหรือหลักทรัพย์ค้ำประกันใด ๆ เพียงแค่เป็นผู้มีรายได้ประจำไม่น้อยกว่า 6,000 บาทต่อเดือน โดยหลักจากยื่นกู้ไม่เกิน 30 นาที ธนาคารจะแจ้งผลตอบกลับผ่าน SMS รับเงินก้อนไปใช้งานแบบสบาย ๆ แถมผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 60 เดือนเลยทีเดียว

Krungsri iFIN

บริการเงินด่วน 30 นาที จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่สามารถสมัครขอรับบริการสินเชื่อผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็น Internet Banking หรือ Mobile Banking ก็สามารถยื่นเอกสารการสมัครได้ทั้งสองช่องทาง จุดเด่นที่ทำให้ Krungsri iFIN เป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการที่หลายคนได้ลองใช้แล้วดีจนต้องแนะนำต่อ เพราะได้วงเงินอนุมัติที่สูงถึง 1 ล้านบาท หรือไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นมิตรเห็นแล้วยิ้มได้ พร้อมระยะเวลาผ่านชำระนานสูงสุดถึง 5 ปีเลยทีเดียว โดยหลังจากที่อัปโหลดเอกสารทั้งหมดครบถ้วน ธนาคารจะติดต่อกลับภายใน 30 นาที รับเงินด่วนทันใช้ นำไปต่อยอดธุรกิจหรือปิดหนี้ดอกเบี้ยสุดโหดได้ทันการ

A-LEND

                แม้ไม่ใช่ผู้ให้บริการที่เป็นสถาบันการเงินอย่างเจ้าอื่น แต่จุดเด่นของ A-LEND ก็ทำให้กลายเป็นแอปเงินด่วนที่ได้รับความนิยมไม่น้อย โดย A-LEND มอบอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ พร้อมยอดชำระรายเดือนที่เห็นแล้วต้องว้าว อีกทั้งยังยกระดับบริการให้โดดเด่นด้านความรวดเร็ว ความสะดวก ปลอดภัย และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน การดำเนินการจึงเป็นไปอย่างมีคุณภาพ มอบความประทับใจให้กับผู้ขอสินเชื่อได้สูงสุด ซึ่งผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอป A-LEND ได้ที่ Google Play และทำการลงทะเบียนให้เรียบร้อย กรอกข้อมูลส่วนตัวพร้อมระบุวงเงินสินเชื่อที่ต้องการ โดยเริ่มตั้งแต่ 3,000 – 150,000 บาท ระบบจะทำการประมวลผล และแจ้งผลการอนุมัติภายใน 3 นาที โดยหลังทราบผลอนุมัติแล้ว A-LEND จะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของคุณทันที เป็นอีกแอปที่น่าใช้บริการและดีต่อใจไม่น้อย

                นอกจากทั้ง 3 แอปนี้แล้ว ยังมีผู้ให้บริการเงินด่วนอีกหลายเจ้า แต่ความเร็วในการอนุมัติอาจแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละผู้ให้บริการ ซึ่งทั้ง 3 เจ้าที่นำมาฝากนี้ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ discopaydayloans เพื่อให้คุณไม่พลาดเงื่อนไขดี ๆ และยื่นขอรับบริการสินเชื่อเงินด่วน 30 นาทีกับผู้ให้บริการที่ตรงกับความต้องการหรือไลฟ์สไตล์ของตัวคุณเองได้มากที่สุด

ยืมเงินด่วนโอนเข้าบัญชี

บริการยืมเงินด่วนโอนเข้าบัญชีใน 30 นาที บริการดีได้เงินทันใช้จริง

เมื่อคุณต้องเผชิญปัญหาทางการเงิน ต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน แต่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อและแหล่งเงินกู้ใด ๆได้ ก็คงจะทำให้คุณรู้สึกกลุ้มใจและรู้สึกกดดันอยู่ไม่น้อย ครั้งนี้จึงอยากมากระซิบให้คุณทราบ เพราะไปเจอคำแนะนำทางออกเรื่องเงินด่วนนี้จาก isaanbizweek ว่าขณะนี้มีบริการยืมเงินด่วนโอนเข้าบัญชีภายใน 30 นาทีผ่านระบบออนไลน์ให้บริการ บริการนี้เป็นอย่างไรมาติดตามกัน

ทางออกใหม่ของเรื่องสินเชื่อส่วนบุคคล

เป็นปัญหากันมาเนิ่นนานสำหรับเรื่องของการขอสินเชื่อส่วนบุคคลกับสถาบันการเงิน บางคนต้องการใช้เงินด่วน แต่กว่าจะผ่านอนุมัติจากทางธนาคารบางทีก็ไม่ทันการณ์ ทำให้หลายคนต้องทนทุกข์อยู่กับปัญหาเงินขาดมือและตัดสินใจแก้ปัญหาโดยการไปกู้นอกระบบ ซึ่งตรงนั้นอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหม่ที่อาจแย่ยิ่งกว่า

ข้อมูลจาก isaanbizweek ได้ให้คำแนะนำในเรื่องนี้ไว้ว่า ปัจจุบันมีบริการเรื่องสินเชื่อส่วนบุคคลแบบใหม่ ที่อนุมัติสินเชื่อได้ไว เข้าถึงง่าย ใช้หลักฐานในการสมัครไม่มาก เมื่ออนุมัติวงเงินแล้วก็จะโอนเงินเข้าบัญชีให้เลย เรียกว่าเป็นการยืมเงินด่วนโอนเข้าบัญชีแบบที่คุณจะได้รับความสะดวกมากที่สุด

บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบนี้จะเป็นการยืมเงินผ่านระบบออนไลน์ โดยในขณะนี้ก็มีการพัฒนาออกมาเป็นแบบแอปพลิเคชันบนมือถือด้วย ที่เราจะรู้จักกันในนามแอพยืมเงินด่วน 30 นาที ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ หากหลักฐานข้อมูลที่คุณยื่นไปเพื่อใช้ในการอนุมัติถูกต้องและไม่มีปัญหาใด ๆ ไม่ติดเงื่อนไขใด ๆ ทางผู้ให้บริการก็จะทำการโอนเงินเข้าบัญชีของคุณภายใน 30 นาทีจริง ๆ นับว่านี่เป็นทางออกใหม่ของเรื่องการกู้สินเชื่อเลยทีเดียว

หลักฐานใดบ้างที่ต้องใช้กับแอพยืมเงินด่วน 30 นาที

การยืมเงินด่วนผ่านช่องทางออนไลน์บนมือถือนั้น จริง ๆ แล้วกระบวนการก็จะเหมือนกับการขอกู้สินเชื่อส่วนบุคคลทั่วไป คือ จะต้องมีการขอหลักฐานยืนยันตัวตนของผู้กู้ แต่ที่จะพิเศษและแตกต่างกว่าก็คือ ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบออนไลน์บางราย อนุญาตให้ผู้ขอกู้ไม่จำเป็นต้องยื่นสลิปเงินเดือน แต่ให้ใช้หลักฐานข้อมูลทางเลือกอื่น ๆ เพื่อมาใช้ยืนยันตัวตนแทนได้ เช่น บิลและใบเสร็จค่าน้ำ ค่าไฟ หรือใบเสร็จการใช้จ่ายออนไลน์ เป็นต้น

การเปิดให้ผู้กู้ใช้หลักฐานข้อมูลที่เป็นทางเลือกเหล่านี้ ก็เพื่อเป็นการเปิดทางให้ผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ หรือผู้ที่ทำการค้าเป็นพ่อค้าแม่ค้าทั่วไปที่ไม่ได้มีเงินเดือนสามารถที่จะเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้น ตรงนี้ก็เสมือนเป็นการเปิดทางให้กับผู้ไม่ได้มีงานประจำสามารถที่จะมีทางออกเรื่องการเงินได้ แต่สิ่งที่จะต้องทราบไว้อีกอย่างก็คือ จำนวนวงเงินที่ผู้ให้บริการเหล่านี้จะอนุมัติให้

ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบนี้ มักจะกำหนดวงเงินกู้ออนไลน์สูงสุดอยู่ที่ไม่เกิน 20,000 บาท/คน และกำหนดระยะเวลาผ่อนชำระคืนอยู่ที่ไม่เกิน 6 เดือนเท่านั้น ซึ่งถ้าใครต้องการวงเงินที่สูงกว่านี้ก็คงต้องดูเรื่องของสินเชื่อส่วนบุคคลแบบอื่นที่น่าจะตอบโจทย์ได้มากกว่า

จะเห็นว่าการกู้เงินออนไลน์หรือการใช้บริการยืมเงินด่วนโอนเข้าบัญชีแบบนี้ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเงินแบบเร่งด่วนและฉุกเฉิน อย่างคนที่ต้องการซ่อมรถกะทันหัน ซ่อมบ้าน จ่ายค่าเทอมลูก หรือเจ็บป่วย ต้องการเงินอีกบางส่วนมาช่วยเพื่อให้เพียงพอ บริการแบบนี้ถือว่าตอบโจทย์มากทีเดียว นี่แหละสิ่งที่เราอยากจะมากระซิบให้ทุกคนที่กำลังต้องการเงินด่วนได้ทราบกัน

สมัครบัตรกดเงินสด

บัตรกดเงินสด vs บัตรเครดิต ต่างกันอย่างไร

ใครหลายคนคงชินกับการผ่อนของ จ่ายค่างวด จ่ายตั๋วคอนเสิร์ต ทุกการใช้จ่ายต้องมีเกินครึ่งที่ใช้บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด เพราะด้วยความเหมือนกันเป็นอย่างมาก จะหยิบบัตรเครดิตมาใช้หรือบัตรกดเงินสดมาผ่อนของ ก็เหมือนกันจนหยิบผิดหยิบถูก

          สถาบันการเงินหรือธนาคารบางแห่ง ก็ยังมีบัตรทั้ง 2 แบบมาให้เลือกใช้ จนทำให้หลายคนเข้าใจผิดได้ว่า ผ่อนของเหมือนกัน จ่ายค่างวดได้เหมือนกันก็จบ ไม่เห็นความสำคัญ หรือความแตกต่างกันสักเท่าไหร่ วันนี้เลยพามาชวนมาเปรียบเทียบ ชวนดูความแตกต่างระหว่าง ‘บัตรกดเงินสด’กับ‘บัตรเครดิต’ ว่าแต่ละบัตรเหมือนหรือแตกต่างกันตรงไหนบ้าง

สมัครง่าย อนุมัติไว ไม่ต้องมีคนค้ำ

         บอกได้เลยว่าเป็นข้อดีที่เหมือนกัน และที่สำคัญสมัครง่าย เตรียมเอกสารครบ ก็มีคนมารับเอกสาร หรือบางที่ก็ส่งเอกสารการสมัครผ่านระบบออนไลน์ได้เลยก็มี และรู้ผลไว ทำให้คนส่วนใหญ่นิยมสมัครบัตรกดเงินสด และบัตรเครดิตเพราะสมัครได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญก็คือเมื่อไม่ต้องมีคนค้ำประกัน การสมัครบัตรกดเงินสดและบัตรเครดิตก็สะดวกกว่าขอสินเชื่ออื่น ๆ อยู่หลายเท่า ถึงจะสมัครง่าย ยื่นเอกสารครบ แต่ก็ยังต้องพิจารณารายได้เข้ามาเกี่ยวข้อง

ผ่อนของ, จ่ายดอกเบี้ย, ชำระคืน

ข้อดีที่ต่างกันของบัตรกดเงินสดและบัตรเครดิต ก็ไล่ตั้งแต่วัตถุประสงค์การใช้จ่ายถึงแม้ว่าจะผ่อนของได้เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ ถ้าใช้บัตรเครดิตมากดเงินสด คุณอาจจะเสียค่าธรรมเนียมขั้นต่ำถึง 3% ของจำนวนที่เบิกถอนเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วอาจมีดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมแพงกว่ากดเงินสดจากบัตรกดเงินสดโดยตรงเสียอีก ถ้าจำเป็นต้องใช้เงินสดก็แนะนำว่ากดเงินสดจากบัตรกดเงินสดยูเมะพลัสจะคุ้มกว่า

พอหันกลับมามองเรื่องการคำนวนดอกเบี้ยระหว่างบัตรกดเงินสดและบัตรเครดิต เป็นธรรมดาที่หลายสถาบันในปัจจุบันต้องออกโปรโมชั่นดึงดูดเพื่อให้คนสมัครบัตร อย่างบัตรแต่ละใบสามารถผ่อนของที่ร่วมรายการได้ 0% ได้ แต่ระยะเวลานั้นจะแตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่บัตรเครดิตจะผ่อน 0% ได้ประมาณ 10 เดือน แต่บัตรกดเงินสด ส่วนใหญ่สินค้าที่ร่วมรายการมักผ่อน 0% นานถึง 10-24 เดือน โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของร้านค้านั้น ๆ ด้วย

แต่ถ้าหากไม่ได้ผ่อนของบัตรเครดิตจะมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย ซึ่งบัตรกดเงินสดไม่มี ทำให้บัตรกดเงินสดเมื่อกดเงินสดส่วนใหญ่ก็จะคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน เมื่อชำระคืนก็อาจจ่ายดอกเบี้ยต่างกันได้ เพราะบัตรกดเงินสด สามารถชำระคืนขั้นต่ำ 3% ของยอดคงค้างหรือไม่น้อยกว่าจำนวนเงินที่กำหนด แต่บัตรเครดิตจะกำหนดไว้เลยว่าต้องชำระคืนขั้นต่ำ 10% ของยอดคงค้างนั่นเอง ซึ่งถ้าเป็นบัตรกดเงินสด การรีบจ่ายเงินก้อนคืนเต็มจำนวนก็จะช่วยให้เสียดอกเบี้ยน้อยลงกว่าเดิม ที่สำคัญบัตรกดเงินสด เลือกจ่ายได้ยืดหยุ่นกว่าคือ จะจ่ายขั้นต่ำ จ่ายมาก หรือจ่ายหมดได้อีกด้วย

เมื่อรู้ข้อแตกต่างระหว่างบัตรกดเงินสด กับบัตรเครดิตกันแล้ว ก็มาชั่งน้ำหนักและดูจุดประสงค์การใช้จ่ายกันดูว่า ไลฟ์สไตล์ของเราเหมาะกับบัตรแบบไหนดี ซึ่งถ้าหากเราใช้เงินไม่ผิดเงื่อนไข และชำระเงินคืนได้ตามกำหนดแล้ว ไม่ว่าบัตรกดเงินสด หรือบัตรเครดิต ก็ช่วยอำนวยความสะดวกการใช้เงิน และเป็นตัวช่วยสำคัญให้กับเราได้จริง ๆ

ถ้าหากสนใจสมัครบัตรกดเงินสด ก็ลองหาโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษได้เลย อย่างบัตรกดเงินสดยูเมะพลัส ที่เมื่อสมัครและได้รับอนุมัติแล้ว ก็เลือกรับไปเลย กดเงินสด 0% นาน 30 วัน* หรือ กระเป๋า Todd 20 นิ้ว มูลค่า 4,450 บาท*

“ เลือกสินเชื่อตามสไตล์ ก็ใช้ชีวิตได้สบายยิ่งขึ้น” *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

Forex vs CFD Trading

“Forex” vs “CFD Trading” คืออะไรและแตกต่างกันอย่างไร?

ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ไม่เว้นแม้กระทั่งการเทรด Forex เช่นกัน ซึ่งการจะลงทุนเทรด Forex ให้ได้กำไรและประสบความสำเร็จนั้น เทรดเดอร์จะต้องมีประสบการณ์และคิดให้รอบคอบทุกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน อีกทั้งยังต้องเข้าใจและรู้ว่าการเทรด Forex คืออะไร? โบรกเกอร์ Forex ที่ดีสุดคือโบรกเกอร์ไหน? เพื่อที่จะได้เข้าใจถึงหลักการวิธีการเทรดที่ถูกต้อง เพื่อให้การลงทุนของคุณมีประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับใครที่ยังสับสนมาลองทำความเข้าใจไปพร้อมกันเลย

Forex คืออะไรและโบรกเกอร์ Forex ที่ดีสุดคือโบรกเกอร์ไหน?

หลายคนคงสงสัยกันไม่มากก็น้อยว่า Forex คืออะไร และการจะเทรด Forex ให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องใช้โบรกเกอร์ Forex ที่ดีสุดตัวไหน หากจะให้กล่าวง่าย ๆ Forex ก็เปรียบเสมือนตลาดสำหรับลงทุนซื้อขายคู่สกุลเงินต่างประเทศเพื่อเก็งกำไร โดยหลักการซื้อขาย Forex นั้น คุณจะได้กำไรหรือขาดทุนก็มาจากความผันแปรและส่วนต่างระหว่างคู่สกุลเงินที่คุณลงทุนนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม การซื้อขาย Forex เพื่อเก็งกำไรไม่ได้ทำได้ง่าย ๆ เพราะนอกจากคุณจะต้องคิดวิเคราะห์ข่าวสารทั่วโลกที่สามารถส่งผลกระทบต่อคู่สกุลเงินและคาดการณ์ว่าสกุลเงินจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดแล้ว คุณยังต้องเลือกใช้โบรกเกอร์ Forex ที่ดีสุดเพื่อช่วยเทรดเดอร์ประหยัดต้นทุนในการลงทุนด้วย ซึ่งวิธีการเลือกโบรกเกอร์นั้นเราขอแนะนำให้คุณเลือกโบรกเกอร์ที่ใช้งานง่าย และมีตัวชี้วัดเพื่อช่วยวิเคราะห์ตลาดจะเหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่เป็นอย่างมาก เช่น IQ Option Olymp Trade และ Binomo เป็นต้น

Forex และ CFD Trading แตกต่างกันอย่างไร?

จากที่กล่าวไว้ข้างต้น เชื่อว่าใครหลายคนคงรู้กันแล้วว่าวิธีการเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ดีสุด เพื่อให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ควรเลือกจากฟังก์ชันอะไรบ้าง ที่นี่มาทำความเข้าใจกันต่อถึงข้อแตกต่างระหว่าง Forex และ CFD Trading เพื่อที่คุณจะได้เลือกโบรเกอร์ Forex ที่ดีสุดได้อย่างเหมาะสม ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว ข้อแตกต่างหลัก ๆ ระหว่างการซื้อขาย Forex และ CFD Trading จะแตกต่างกันที่ประเภทสัญญาที่เกี่ยวข้องกัน โดย CFD Trading จะมีความหลากหลายและครอบคลุมตลาดเป็นวงกว้างมากกว่า โดยสามารถซื้อขายหุ้นส่วน สินค้าเครื่องอุปโภคและบริโภค ดัชนี พลังงาน โลหะ และรวมถึงคู่สกุลเงินด้วย ในขณะที่การซื้อขาย Forex จะเป็นการซื้อขายเฉพาะสัญญาประเภทสกุลเงินเพียงอย่างเดียว เทียบระหว่างสกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลเงินหนึ่งเท่านั้น ด้วยสาเหตุนี้การเลือกโบรกเกอร์สำหรับการลงทุน เทรดเดอร์จึงควรพิจารณาโดยคำนึงถึงฟังก์ชันและปัจจัยเหล่านี้ด้วย เนื่องจากโบรกเกอร์ Forex ที่ดีสุด อาจจะไม่ใช่โบรกเกอร์ที่เหมาะสมสำหรับลงทุน CFD Trading ก็เป็นได้

ฉะนั้นหากใครที่กำลังวางแผนซื้อขาย Forex และ CFD Trading เราขอแนะนำให้คุณศึกษาข้อมูลให้ละเอียด รวมถึงโบรกเกอร์ Forex ที่ดีสุดคือตัวไหน โบรกเกอร์สำหรับเทรด CFD Trading ที่ดีคือตัวไหน เพื่อที่คุณจะได้มั่นใจว่าการซื้อขายสกุลเงินเป็นไปตามความต้องการของคุณได้อย่างแท้จริง

การเปิดบัญชีการซื้อขายจริงกับเว็บเทรด

การหารายได้โดยการเปิดบัญชีการซื้อขายจริงกับเว็บเทรด

          ในปัจจุบันการหารายได้นั้นไม่ได้จำกัดเพียงแค่การทำงานตามหน่วยงานต่างๆอีกต่อไป แต่ยังมีอีกหลายวิธีที่สามารถทำเงินได้ ยิ่งในยุคที่แทบทุกอย่างสามารถจัดการได้ง่ายขึ้นผ่านอินเตอร์เน็ต การทำรายได้โดยช่องทางเหล่านี้จึงมีเพิ่มมากขึ้นและหลายคนเองก็เลือกที่จะใช้วิธีนี้ในการหารายได้ เช่นการเลือกซื้อหุ้นเก็งกำไร การซื้อโดเมนเว็บไซต์ การถ่ายรูปแล้วลงขายในเว็บไซต์ การเขียนนิยายลงขายแบบ e-book หรืออีกวิธีที่ได้รับความนิยมและสามารถสร้างรายได้ได้จริงอย่างการเปิดบัญชีการซื้อขายจริงกับเว็บเทรดหรือก็คือการลงทุนกับฟอเร็กซ์ ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถหาเงินได้ค่อนข้างรวดเร็วกว่าวิธีอื่นๆ แต่ความเสี่ยงก็ค่อนข้างสูงตามไปด้วยเช่นกัน

          การเปิดบัญชีซื้อขายจริงกับเว็บเทรดต่างๆ ตามปกติแล้วผู้ที่สนใจจะลงทุนและสร้างรายได้โดยช่องทางนี้จะต้องมีความรู้และศึกษารายละเอียดของการลงทุนมาพอสมควร แต่หลายๆเว็บไซต์ที่เป็นเว็บชั้นนำและเปิดมาอย่างยาวนานก็มักจะมีบทวิจารณ์โบรกเกอร์รวมถึงมีคำแนะนำเล็กๆน้อยๆให้แก่ผู้ที่สนใจลงทุนได้ศึกษาด้วยเช่นกัน โดยการลงทุนกับฟอเร็กซ์นั้นสามารถทำเงินได้เร็ว เริ่มลงทุนได้ด้วยเงินเพียงไม่มากนัก แตกต่างกับการซื้อขายหุ้นที่วงเงินเริ่มต้นจะค่อนข้างสูงและใช้ระยะเวลาในการคืนกำไรค่อนข้างนาน การซื้อขายฟอเร็กซ์ออนไลน์นั้นสามารถทำได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ทำได้ทุกที่ เว็บเปิดให้บริการ 24 ชม. การเปิดบัญชีซื้อขายจริงสามารถทำการฝาก/ถอนเงินผ่านธนาคารต่างๆของไทยตามที่เว็บมีให้บริการได้ รายได้ที่จะได้รับกลับมาขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ลงทุนและจังหวะเวลาที่ทำการแลกเปลี่ยน

          สิ่งสำคัญที่ควรทราบในการลงทุนและเริ่มการเปิดบัญชีการซื้อขายจริงกับเว็บเทรดคือการเลือกโบรกเกอร์เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อกับตลาดการเทรดขนาดใหญ่ การเลือกโบรกเกอร์มีความสำคัญมาก เพราะเป็นตัวกำหนดเป้าหมายในการเทรด ความเหมาะสม ความสามาร รวมถึงความเสี่ยงที่จะได้รับจากการเทรด โดยมีปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกโบรกเกอร์ทั้งหลาย ดังนี้

  1. มีใบอนุญาตและหน่วยงานควบคุม โบรกเกอร์ที่ดีและน่าเชื่อถือควรมีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายและมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยกำกับดูแล
  2. ความปลอดภัยและการคุ้มครอง โบรกเกอร์ที่ดีควรมีการทำงานที่มีความปลอดภัยต่อเงินที่คุณลงทุนไป และสามารถตรวจสอบยอดเงินได้ การจัดการกับเงินมีความถูกต้องและปลอดภัย
  3. บริการต้นทุนต่ำ สำหรับคนที่มีเงินทุนไม่มากนักหรือยังไม่มั่นใจในการลงทุนกับฟอเร็กซ์ โบรกเกอร์ควรสามารถนำเสนอบริการในต้นทุนต่ำได้ เช่น ค่าคอมมิชชั่นต่ำ การได้เงินที่รวดเร็วกว่า มีความรวดเร็วในการดำเนินงานมากกว่า เป็นต้น

สำหรับการเทรดนั้น ในบางเว็บไซต์จะมีบัญชีเริ่มต้นสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองการเทรดให้บริการก่อนการตัดสินใจเปิดบัญชีการซื้อขายจริง ซึ่งในเว็บไซต์จะมีคู่มือและคำแนะนำในการเปิดบัญชีการซื้อขายจริงในรูปแบบต่างๆอธิบายไว้ด้วย และยังมีข่าวสารที่จะส่งผลต่อรายได้และความสามารถในการเทรดอย่างข่าวสารเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน หรือข่าวสารแนวโน้มต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเทรด เช่น ข่าวเศรษฐกิจ ดังนั้นผู้ที่การเทรดจึงควรศึกษาเรื่องเหล่านี่อยู่เสมอและอัปเดตข่าวสารให้เป็นปัจจุบันเพื่อให้สามารถทำกำไรการการเทรดให้ได้มากที่สุด

ลงทุน forex

หัวใจของการลงทุนใน forex ที่เทรดเดอร์มือใหม่ควรจะมี

ปัจจุบันการหารายได้ผ่านทางออนไลน์ ได้รับความนิยมมากขึ้น วัยรุ่นสมัยใหม่นิยมหางานที่ทำได้ง่าย และได้ผลตอบแทนดีๆ หนึ่งในนั้นก็คือการลงทุน forex เพราะเพียงแค่มีอินเตอร์เน็ตกับคอมพิวเตอร์ ก็สามารถที่จะเข้ามาลงทุนใน forex ได้แล้ว ถ้าหากมีการศึกษาที่ดีและมีการเริ่มต้นที่ถูกวิธี การหารายได้กับฟอร์เร็กซ์ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

สำหรับผู้ที่ต้องการอยากจะเข้ามาลงทุนกับ forex แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร จะไปต่อย่างไรดี เพราะจับทางไม่ถูก บทความนี้จะกล่าวถึงวิธีการที่จะช่วยแนะนำทางให้คุณได้ทราบเกี่ยวกับฟอร์เร็กซ์ เป็นการทำความเข้าใจก่อน เพื่อจะเข้าสู่สนามการลงทุนที่แท้จริง มีอะไรบข้างที่เราควรจะรู้

1.Forex ไม่สามารถทำให้คุณรวยขึ้นในเวลาอันสั้น

พูดง่ายๆ ก็คือ การลงทุน forex ไม่ใช่วิธีการที่จะรวยทางลัดได้ หลายคนเข้าใจผิดมากเวลาที่เข้ามาลงทุนในฟอร์เร็กซ์ นั่นก็คือคิดว่าเป็นการทำให้รวยทางลัด บอกได้เลยว่าไม่ใช่ เพราะถ้า forex สามารถทำให้ทุกคนที่เข้ามารวยได้จริงๆ ก็คงมีเศรษฐีใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายแล้ว ดังนั้นให้ทำความเข้าใจก่อนว่า เส้นทางนี้ไม่ใช่ทุกคนจะรวยได้ ก็เหมือนกับการลงทุนทั่วไปนั่นแหละ

2.พรแสวงสำคัญมากกว่าพรสวรรค์

คนที่เข้ามาลงทุนใน forex ไม่จำเป็นจะต้องเทพเกี่ยวกับหุ้นหรือการลงทุนเท่านั้น หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบในการหาความรู้ใส่ตัวอยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่ใช่คนที่เรียนมาเกี่ยวกับการลงทุนการเงินอะไรก็ตาม คุณก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุน forex ได้เช่นกัน ดังนั้นพยายามฝึกเทคนิคต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการลงทุนให้มีความชำนาญ แล้วผลตอบแทนมันจะมาเอง

3.อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ

การเทรด forex ในปัจจุบันไม่จำเป็นจะต้องมานั่งเกรดเองทั้งหมด  มีหลายคนที่ต้องการอยากจะสบายมากขึ้นนั่นก็คือฝากให้คนอื่นเทรดให้ โดยคิดว่าเขาเหล่านั้นจะสามารถสร้างเงินให้กับเราได้ แต่ขอบอกเอาไว้เลยว่าเป็นไปได้ยาก ถึงแม้จะทำได้จริง ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำให้เราตลอดไปได้ ดังนั้นให้ลงมือทำเองดีกว่า การยืมจมูกคนอื่นหายใจ ยังไงก็ไม่เวิร์คแน่นอน และถ้าวันหนึ่งเขาเลิกทำขึ้นแล้วเรายังเทรดเองไม่เป็น ตอนนั้นแหละปัญหาจะตามมาทันที

ปัญหาใหญ่อีกข้อหนึ่งที่เมื่อฝากคนอื่นเทรดให้ก็คือ เสี่ยงที่จะโดนโกงได้ง่าย เพราะไม่รู้เลยว่าแต่ละคนโปรไฟล์เป็นอย่างไร บางคนได้เงินค่าจ้างแล้วก็เชิดหนีหน้าตาเฉย แบบนี้มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ

4.เป็นคนใฝ่รู้

คนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน forex ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่แสวงหาความรู้และเทคนิคต่างๆ เกี่ยวกับ forex อยู่เสมอ และสิ่งนี้ก็จะเป็นตัวผลักดันให้คุณก้าวไปสู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพด้วย

คนที่เป็นนักลงทุนมือใหม่ ก็อยากจะให้ทำความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ไว้ จะได้ไม่เข้าใจอะไรผิดและไปเลือกเริ่มต้นแบบผิดๆ ถ้าเข้าใจวิธีการที่ควรทำและควรเลี่ยงก่อนในขั้นแรก การเริ่มต้นใน forex ก็จะง่ายขึ้น